Bitcoin กำลังเป็นที่สนใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน และนี่คือเหตุผลที่ทำไม Bitcoin ถึงสำคัญ
เงินที่คุณใช้มาตลอดชีวิตนั้นถูกหนุนหลังโดยรัฐบาล และสามารถจับต้องได้ ในทางกลับกัน Bitcoin (บิทคอยน์) นั้นไม่สามารถจับต้องได้ อีกทั้งยังไม่ได้รับการหนุนหลังจากแม้แต่รัฐบาลเดียว แต่กลับมีมูลค่ามหาศาล สกุลเงินดิจิทัลนี้เริ่มมีการใช้งานบนอินเทอร์เน็ตมาตั้งแต่ในปี 2009 และตอนนี้เหรียญบิทคอยน์ เพียงเหรียญเดียวก็มีมูลค่ามากกว่า 350,000 บาท ถ้าหากคุณซื้อบิทคอยน์ด้วยเงิน 34,000 บาทในปี 2010 ตอนนี้คุณจะกลายเป็นเศรษฐีพันล้านไปแล้ว ในบทความนี้ ผมจะอธิบายว่าทำไมบิทคอยน์ถึงทำให้หลายคนตื่นเต้น และอธิบายมุมมองของผมที่มีต่ออนาคตของบิทคอยน์
บิทคอยน์คืออะไร?
บิทคอยน์คือสกุลเงินดิจิทัลสกุลแรกที่ไม่ถูกควบคุมโดยตัวกลาง เป็นสินทรัพย์ที่มีตัวตนเพียงแค่ข้อมูลตัวเลข คุณอาจจะมีเงินในธนาคารที่เป็นดิจิทัล แต่ตัวเลขเหล่านั้นมีค่าเท่ากับเงินบาทที่คงที่ แต่บิทคอยน์ไม่เป็นเช่นนั้น อีกทั้งยังไม่มีตัวกลางในการควบคุม เพราะเช่นนั้น มูลค่าของบิทคอยน์ จึงถูกกำหนดโดยตลาดเพียงอย่างเดียว และตลาดก็กำลังอยู่ในช่วงร้อนแรงอย่างมาก
บิทคอยน์เป็นอะไรที่วิเศษมากหากมองในมุมมองของเทคโนโลยี เพราะโดยพื้นฐานแล้ว มันคือความก้าวหน้าทางวิทยาการคอมพิวเตอร์ เป็นสิ่งที่สร้างมาจากการค้นคว้าวิจัยที่ใช้เวลากว่า 20 ปีในด้านเงินดิจิทัลที่ถูกเข้ารหัส (Cryptographic currency) และอีกกว่า 40 ปีของการวิจัยด้านการเข้ารหัส (Cryptography) โดยนักวิจัยหลายพันคนจากทั่วทุกมุมโลก
ธุรกรรมการเงินทั้งหมดของบิทคอยน์ จะใช้งานผ่านเทคโนโลยีที่เราเรียกว่า Blockchain (บล็อกเชน) ซึ่งคุณสามารถหาที่อยู่ของ wallet ได้จากการดูข้อมูลบนบล็อกเชน โดยที่บล็อกเชนเป็นเสมือนสมุดบัญชีกลางที่ถูกกระจายไปทั่วอินเทอร์เน็ต เหรียญของบิทคอยน์ก็เป็นเพียงช่องในสมุดบัญชีของบล็อกเชนนี้ ทำให้ไม่ว่าใครก็สามารถจ่ายเงินด้วยบิทคอยน์ มูลค่าเท่าไหร่ก็ได้ ให้แก่ใครก็ได้ในโลกนี้ โดยเพียงแค่เปลี่ยนเจ้าของในช่องนั้นที่อยู่ในสมุดบัญชีบล็อกเชนของบิทคอยน์
เพราะเหตุนี้บิทคอยน์จึงเป็นเงินสกุลดิจิทัลที่มูลค่าขึ้นอยู่กับสองสิ่ง: การใช้บิทคอยน์เพื่อชำระเงินในปัจจุบัน ซึ่งหมายถึงปริมาณการใช้และความรวดเร็วในการชำระด้วยบิทคอยน์ผ่านสมุดบัญชีกลาง และการเก็งกำไรราคาโดยนักเก็งกำไร นี่ก็เป็นจุดหนึ่งที่อาจทำให้คนสับสนได้ มันไม่ใช่เพราะว่าบิทคอยน์นั้นมีมูลค่าในตัวของมันเองคนถึงจะซื้อขายมัน แต่เป็นเพราะว่า คนสามารถซื้อขายโอนถ่ายทรัพย์สินด้วยบิทคอยน์ได้ (ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน โดยไม่มีการโกง และค่าธรรมเนียมที่น้อยนิด) จึงทำให้บิทคอยน์นั้นมีมูลค่าขึ้นมา
บิทคอยน์ถูกเก็บในกระเป๋าสตางค์ดิจิทัลที่คุณสามารถเลือกเก็บใส่ลงในฮาร์ดไดรฟ์ส่วนตัว หรือเก็บออนไลน์ในเว็บไซต์ซื้อขายบิทคอยน์ต่างๆ วิธีนี้เป็นวิธีใหม่ในการแลกเปลี่ยนเงินตราหรือทรัพย์สินระหว่างผู้คนโดยที่ไม่จำเป็นต้องอาศัยตัวกลางหรือความเชื่อใจมาก่อน เรื่องนี้เป็นเรื่องใหม่มาก และไม่เคยมีมาก่อนในรูปแบบดิจิทัล และตอนนี้คุณสามารถใช้บิทคอยน์ในการซื้อสินค้าและบริการทุกรูปแบบในประเทศญี่ปุ่นได้ถูกต้องตามกฎหมายแล้ว
แล้วคนจะใช้บิทคอยน์ไปทำไมกัน?
บางทีในตอนนี้ก็คงจะจริงว่ามูลค่าของสกุลเงินบิทคอยน์ นั้นมาจากการเก็งกำไร มากกว่าปริมาณการใช้จ่ายด้วยบิทคอยน์จริง และก็คงจะจริงเช่นกันที่การเก็งกำไรนี้ เป็นการสร้างฐานราคาที่สูงขึ้นจนทำให้บิทคอยน์ สามารถใช้ในการทำธุรกรรมการเงินได้
คนบางคนอาจจะวิจารณ์ว่าร้านค้าจะไม่รับชำระเงินด้วยบิทคอยน์เพราะความผันผวนของราคา ซึ่งเป็นเรื่องเข้าใจผิด เพราะบิทคอยน์สามารถถูกเลือกใช้ในลักษณะของระบบการชำระเงินเท่านั้นก็ได้ ร้านค้าไม่จำเป็นที่จะต้องถือสกุลเงินบิทคอยน์ หรือต้องเสี่ยงกับความผันผวนของราคาบิทคอยน์ในทั้งสิ้น ทันทีที่ผู้บริโภค หรือร้านค้าได้รับบิทคอยน์ พวกเค้าสามารถแปลงเงินบิทคอยน์เป็นเงินสกุลอื่นได้ทันทีเมื่อไหร่ก็ได้ตามที่ต้องการ
ถ้าหากคุณนำสินค้าใส่ตะกร้าแล้วไปจุดชำระเงินอย่างที่เป็นอยู่ในทุกวันนี้ แต่แทนที่จะยื่นบัตรเครดิต คุณนำโทรศัพท์ขึ้นมาและถ่าย QR Code ที่อยู่ตรงเครื่องชำระสินค้าแทน โดยที่ QR Code นี้จะมีข้อมูลทุกอย่างให้คุณสามารถส่งบิทคอยน์ให้แก่ร้านค้าได้ รวมไปถึงจำนวนเงิน คุณเพียงกดคอนเฟิร์มในโทรศัพท์และการชำระก็เป็นอันเสร็จสิ้น
ร้านค้าก็ชอบเพราะเขาได้เงินในรูปของบิทคอยน์ที่สามารถแปลงเป็นเงินบาทก็ได้หากต้องการ และเสียค่าธรรมเนียมที่น้อยมาก ด้านลูกค้าเองก็ชอบเพราะไม่มีทางใดที่แฮ็คเกอร์จะสามารถขโมยข้อมูลส่วนตัวของเขาได้หากทำธุรกรรมด้วยบิทคอยน์
รูปแบบการใช้งานอีกอย่างหนึ่งที่มีขนาดมหาศาลของบิทคอยน์คือการโอนเงินกลับประเทศ ในแต่ละวัน มีผู้มีรายได้น้อยนับร้อยล้านคนที่ทำงานแรงงานในต่างประเทศเพื่อส่งเงินกลับไปยังครอบครัวในประเทศของเขา ซึ่งมีจำนวนกว่า $4 แสนล้านในแต่ละปี อ้างอิงจากธนาคารโลก โดยทุกๆ วัน ธนาคารและบริษัทชำระเงินได้หักเงินจำนวนที่น่าเหลือเชื่อจากค่าธรรมเนียมที่มากถึงร้อยละ 10 หรือบางทีก็มากกว่านั้น ในการส่งเงินนี้
เมื่อเปลี่ยนมาใช้บิทคอยน์ที่คิดค่าธรรมเนียมเพียงเล็กน้อย เงินที่ส่งกลับประเทศนี้ก็จะสามารถยกระดับความเป็นอยู่ที่ดีของแรงงานในต่างประเทศและครอบครัวของพวกเขาได้อย่างมาก อันที่จริงก็เป็นเรื่องยากที่จะคิดว่ามีอะไรที่สามารถสร้างผลกระทบที่รวดเร็วกว่าและมีประโยชน์กว่านี้ ให้แก่คนจำนวนมากในประเทศที่ยากจนทั้งหลายในโลก
ยิ่งไปกว่านั้นบิทคอยน์ก็ยังเป็นแรงผลักดันที่สำคัญที่จะสามารถทำให้คนจำนวนมากในโลกสามารถเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจสมัยใหม่ มีเพียงแค่ 20 ประเทศในโลกนี้ที่มีระบบการธนาคารและการชำระเงินที่ทันสมัยอย่างสมบูรณ์ อีกกว่า 175 ประเทศยังเหลือหนทางอีกยาวไกล เพราะเหตุนี้ ผู้คนมากมายในหลายประเทศจึงถูกตัดออกจากระบบการธนาคารและการชำระเงินที่ทันสมัย บิทคอยน์ในฐานะระบบการเงินของโลก ที่ไม่ว่าใครจะอยู่มุมไหนในโลกก็สามารถใช้ได้ ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ตาม และจะเป็นตัวกระตุ้นที่ทำให้ทุกคนในโลกสามารถเข้าถึงระบบการธนาคารและการชำระเงินที่ทันสมัย ขอแค่มีเพียงมือถือเท่านั้น
การใช้งานที่น่าทึ่งอย่างที่สามของบิทคอยน์ คือการชำระเงินในจำนวนน้อยๆ หรือ Micropayment เดิมทีการชำระเงินจำนวนน้อยเป็นเรื่องที่ไม่สามารถทำได้ เพราะไม่มีวิธีใดที่ทำให้การชำระเงินปริมาณน้อยมีความคุ้มค่า (ให้คิดถึงจำนวนเงินที่ต่ำกว่า 10 บาท) ผ่านระบบเครดิต เดบิต และระบบธนาคารในปัจจุบัน โครงสร้างค่าใช้จ่ายในระบบเหล่านี้ทำให้การชำระประเภทนี้ไม่สามารถเกิดขึ้นได้
แต่ทันใดนั้นบิทคอยน์ก็ทำให้การชำระเงินแบบ Micropayment กลายเป็นเรื่องง่าย เพราะบิทคอยน์มีคุณสมบัติในการแบ่งส่วน ที่ขณะนี้สามารถใช้ได้จนถึงหลักทศนิยมแปดตำแหน่ง ซึ่งคุณสามารถกำหนดเงินเท่าไหร่ก็ได้ เช่น เศษหนึ่งส่วนพันของเงินสิบบาท และส่งให้ใครก็ได้ในโลกนี้ด้วยค่าธรรมเนียมเพียงเล็กน้อย
หากมองในมุมของการสร้างรายได้จากคอนเทนต์ ยกตัวอย่างเช่น หนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ธุรกิจสื่ออย่างหนังสือพิมพ์ ประสบปัญหาในการคิดเงินค่าคอนเทนต์ก็เพราะว่าเขาต้องเรียกเก็บเงินทั้งหมด (จ่ายค่าสมาชิกสำหรับคอนเทนต์ทั้งหมดรายเดือน) หรือไม่เรียกเก็บเลย (และทำให้มีโฆษณาอยู่เต็มหน้าเว็บไซต์) แต่แล้วด้วยบิทคอยน์ ก็จะพบว่ามีทางเป็นไปได้ที่จะสามารถคิดค่าบริการจำนวนนิดหน่อย ต่อบทความ ต่อหมวด ต่อชั่วโมง ต่อการเล่นวิดีโอ ต่อการเข้าอ่านย้อนหลัง หรือต่อการแจ้งเตือนข่าวใหม่
อีกช่องทางการใช้งานของ Micropayment ด้วยบิทคอยน์คือการป้องกันสแปม ระบบอีเมลและโซเชียลเน็ตเวิร์คในอนาคตอาจปฏิเสธข้อความที่เข้ามาหากไม่ได้แนบเงินบิทคอยน์จำนวนนิดหน่อยมาด้วย จำนวนที่น้อยมากจนไม่ส่งผลต่อผู้ส่ง แต่มากพอที่จะป้องกันพวกสแปมเมอร์ ที่ทุกวันนี้ส่งข้อความกว่าพันล้านข้อความอย่างฟรีๆ โดยที่ไม่ต้องรับโทษอะไรเลย
ส่วนสุดท้าย วิธีการใช้งานที่น่าสนใจที่สี่คือการบริจาคแก่สาธารณะ เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีผู้ชมคนหนึ่งในการแข่งขันกีฬาที่ได้รับการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ได้ชูป้ายขึ้นที่มี QR Code พร้อมกับเขียนประโยคว่า “Send me Bitcoin!” หรือ “ส่งเงินบิทคอยน์มาให้ผม!” เขาได้รับเงินบิทคอยน์ที่มีมูลค่าถึง 850,000 บาท ภายใน 24 ชั่วโมงแรก ทั้งหมดนี้มาจากคนที่เขาไม่เคยได้พบเจอ นี่เป็นครั้งแรกที่คุณสามารถเห็นคนที่ถือป้าย ไม่ว่าจะเป็นตัวเป็นๆ หรือว่าในทีวี หรือในรูป และสามารถส่งเงินให้เขาได้ด้วยการกดเพียง 2 คลิกในโทรศัพท์มือถือ: ถ่ายรูป QR Code บนป้าย และคลิกส่งเงิน
ลองคิดถึงขบวนประท้วงทั้งหลาย ที่ทุกวันนี้ผู้ประท้วงอยากออกทีวีเพื่อให้คนอื่นได้รับรู้ถึงอุดมการณ์ของพวกเขา ในอนาคต พวกเขาจะอยากออกทีวีเพราะว่านั่นเป็นวิธีที่เขาจะสามารถระดมทุน โดยเพียงแค่ถือป้ายที่ทำให้คนจากทั่วทุกมุมโลกที่เห็นด้วยกับพวกเขาสามารถส่งเงินได้ทันที
อนาคตของบิทคอยน์เป็นอย่างไร?
บิทคอยน์เป็นเหมือน Network Effect ทั่วไป ยิ่งมีคนใช้บิทคอยน์มากเท่าไหร่ มูลค่าของบิทคอยน์ก็จะยิ่งมากสำหรับทุกคนที่ใช้งาน และจะยิ่งให้ผลตอบแทนมากขึ้นอีกเมื่อมีผู้ใช้งานรายใหม่เข้ามา บิทคอยน์มี Network Effect ที่เทียบได้กับเครือข่ายโทรศัพท์ เว็บไซต์ และบริการทางอินเทอร์เน็ตอย่าง eBay และ Facebook
นอกเหนือจากนี้ ปัญหาด้านระเบียบ กฏเกณฑ์ ที่จะต้องตอบก็จะมีต่อไปอย่างไม่หยุดหย่อน เพราะไม่เคยมีโครงสร้างของระบบการธนาคารและการชำระเงินใดในโลกนี้ที่คาดการณ์ถึงเทคโนโลยีอย่างบิทคอยน์มาก่อน
แต่ผมหวังว่าด้วยบทความนี้ผมจะสามารถทำให้คุณเห็นถึงอนาคตที่ยิ่งใหญ่ของบิทคอยน์ ที่เปิดโอกาสมหาศาลในความเป็นได้ที่จะสามารถเปลี่ยนมุมมองในรูปแบบของระบบการเงิน ว่าควรจะทำงานอย่างไรในยุคอินเทอร์เน็ต อีกทั้งยังเป็นตัวกระตุ้นการเปลี่ยนรูปแบบของระบบการเงินที่ทรงพลังและยุติธรรมแก่ทั้งบุคคลและธุรกิจต่างๆ บิทคอยน์ (หรือสกุลเงิน Cryptocurrency ใดก็ตามที่บิทคอยน์จะกลายเป็น) จะไม่จากพวกเราไปไหน รีบรัดเข็มขัดกันนะครับทุกท่าน
Comments