top of page

ย้อนกลับไปยังจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง จากความเชื่อมั่นในสิ่งที่ทำและความพยายามสู่ความสำเร็จ


แอบเขินนิดนึงนะครับที่ต้องลงภาพตัวเองสมัยก่อน 😅 ได้เห็นภาพนี้จากเพื่อนส่งมาให้ดูครับ เป็นภาพสมัยช่วงเริ่มต้นทำ Bitkub ขึ้นมากับกลุ่ม Co-founder และพนักงานกลุ่มแรกครับ ภาพที่เห็นคือ ออฟฟิศอย่างเป็นทางการของ Bitkub ออฟฟิศแรก ที่ตึกปิยะเพลส ถ.หลังสวน พอได้เห็นภาพเก่าๆ แล้วก็คิดถึงบรรยากาศช่วงเริ่มต้นสร้างบริษัทกันมา พูดง่ายๆครับว่า ก็กัดฟันพยายามจ่ายค่าเช่าอยู่เหมือนกันครับ เพราะอยากมีออฟฟิศกลางเมืองที่ให้พนักงานทุกคนสามารถเดินทางมาทำงานได้สะดวก ผมมักพูดในที่ต่างๆ เสมอว่า “การสร้างบริษัทสตาร์ทอัปเหมือนการกระโดดลงจากหน้าผา และพยายามประกอบเครื่องบินให้ทันก่อนที่มันจะตกถึงพื้น” หมายความว่า คุณต้องทำทุกอย่างให้สำเร็จก่อนที่เงินทุนและทรัพยากรอื่นๆ จะหมดลงไป ช่วงเริ่มต้น หากไม่รวมทีมผู้ร่วมก่อตั้ง เรามีพนักงานเพียง 2 คนเท่านั้นครับ และในปี 2018 ซึ่งเป็นช่วงเวลาในภาพนี้ หลังจากที่ กลต. มีประกาศให้ใบอนุญาตศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลเราก็ได้เปิดเอ็กเช้นจ์นั่นคือ บริษัท บิทคับ ออนไลน์ อย่างเป็นทางการ ควบคู่กับบริษัท บิทคับ บล็อคเชน เทคโนโลยี ในสิ้นปีนั้นเราก็มีพนักงานแตะ 31 คน ในวันนั้นผมยังแทบไม่ได้คิดเลยว่า กลุ่มบริษัทของเราจะเติบโตอย่างก้าวกระโดดมาเหมือนเช่นทุกวันนี้ เพราะเมื่อมองย้อนกลับไปหลายๆอย่าง หลายๆ ปัจจัยมันดูเหมือนเป็นไปไม่ได้ ดูไม่เอื้อให้เกิดการเติบโตเลยครับ ทั้งเพราะบิตคอยน์ยังไม่เป็นที่ยอมรับมากนักในสังคมไทย มีข่าวเสียหายรายวัน ทั้งข่าวโกงบิตคอยน์ ตุ๋นบิตคอยน์ บิตคอยน์คือสิ่งที่พวกใต้ดิน ฟอกเงิน ซื้อขายยาใช้เป็นเครื่องมือ ฯลฯ อีกทั้งเทคโนโลยีบล็อกเชนยังเป็นสิ่งที่ใหม่มากๆ เป็นคำที่หลายๆคนไม่รู้จัก ไม่เคยได้ยิน ไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร ไม่มีใครอยากรู้ ทั้งกฎหมายกฎเกณฑ์ที่ไม่เอื้ออำนวย อีกทั้งผมเองและทีมผู้ร่วมก่อตั้งต่างก็มีอายุน้อยกันทั้งนั้น อายุเฉลี่ยของพวกเราหากไม่รวม คุณต้น สกลกรย์ก็ประมาณ 25-28 ปี เท่านั้น หลายคนก็ปรามาสว่าเด็กพวกนี้เหรอจะทำสำเร็จ ? ก็คงเหมือนกับสตาร์ทอัปอื่นๆแหละ ที่พอได้เงินนักลงทุนก็คงเบิร์นเงินนักลงทุนจนหมด ไม่กีปีก็คงจะเจ๊งไป ในปี 2018 วันแรกของการเทรดของบิทคับเอ็กเช้นจ์ เรามีโวลุ่มเพียง 3,484,508 บาท 72 สตางค์เท่านั้นครับ เชื่อไหมครับว่าเราตื่นเต้นกันมากๆ และเราก็มีความหวังกันครับว่า ถ้าสมมติว่าสักวันเรามีโวลุ่มสักสิบเท่า หรือร้อยเท่าต่อวันก็คงจะดีมากๆ แต่การที่เป้าหมายการเติบโตเป็นสิบ เป็นร้อยเท่าในขณะนั้นเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ยากมากๆ เราจินตนาการกันแทบไม่ออกเลยครับว่าจะเป็นไปได้ในกี่เดือนหรือกี่ปี จากปัจจัยหลายอย่างที่กล่าวไปข้างต้น พร้อมๆกับอีกบริษัท คือ บิทคับ บล็อคเชน เทคโนโลยี ที่เริ่มต้นก็เจอความยากไม่แพ้กัน อย่างที่ทราบกันครับว่าในขณะนั้นการหา Blockchain Developer ในเมืองไทยนี่หายากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทร​ แทบจะเรียกกันว่าเป็นมนุษย์ทองคำกันเลยทีเดียว เพราะมีน้อยคนมากที่จะเขียนภาษาที่ใช้เขียน Smart contract ได้ รวมถึงข้อจำกัดที่มากไปกว่านั้น คือ การที่จะหา Developer ที่มีความเข้าใจธุรกิจ และ Marketer ที่มีความเข้าใจในเทคโนโลยี นวัตกรรม ที่สามารถสื่อสารกับคนหมู่มากได้ก็หายากไม่แพ้กัน แถมคนเก่งๆก็มีเงินเดือนสูง บริษัทใหญ่ๆที่มั่นคงก็พร้อมคว้าตัวและให้ค่าแรงสวัสดิการที่สูงกว่า น้อยมากครับที่จะหาใครกล้าเสี่ยงมาร่วมงานกับบริษัทน้องใหม่อย่างเรา การหาคนมาทำงานว่ายากแล้ว การที่จะทำให้บริษัทหรือองค์กรต่างๆเข้าใจว่าบล็อกเชนมีประโยชน์อย่างไร ทำไมจึงสำคัญ จำเป็น เป็นสิ่งที่ควรนำมาใช้ และเชื่อใจมาใช้บริการเรามันยากยิ่งกว่า ทุกๆวันเราต้องทำทุกทางที่จะต้องหาลูกค้า และทำให้เขาเข้าใจและยอมรับให้ได้ แต่คงเพราะผมและเพื่อนร่วมทีมมีความเชื่อที่เกิดจากการศึกษาและพิสูจน์มาได้แล้วว่า บล็อกเชนจะเป็นเทคโนโลยีที่มาเปลี่ยนโลก บิตคอยน์ สกุลเงินดิจิทัล สินทรัพย์ดิจิทัล จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงโลกของการแลกเปลี่ยนมูลค่า และเปลี่ยนแปลงชีวิตของผู้คน ผมและทุกๆคนที่บิทคับจึงยืนหยัดทำในสิ่งที่เราเชื่อ เชื่อไหมครับว่า บางช่วงการเงินของบริษัทไม่ได้สวยหรู ผมและคุณต้นไม่ได้รับเงินเดือนอยู่ 10 เดือน เพื่อต้องคงเงินไว้เพื่อจ่ายพนักงานและค่าใช้จ่ายต่างๆ เพื่อมาใช้ในการดำเนินงาน ก่อนที่เงินที่ได้จากนักลงทุนจะหมดลงไปและเราอาจจะต้องปิดบริษัทลง กลุ่มบริษัทของเรา เริ่มต้นมีพนักงานเพียงแค่ 2 คนเท่านั้นครับ และเมื่อสิ้นปี 2018 เรามีพนักงาน 31 คน เราจัดมีทติ้งประจำปีเล็กๆที่คอฟฟี่ช็อป สิ้นปี 2019 เรามีพนักงาน 69 คน ในปีนั้นเราได้ยกระดับจัดมีทติ้งที่หอประชุมมหาวิทยาลัยกันแล้วครับ ในเดือนกันยายนปี 2020 เรามีพนักงาน 154 คนและคาดว่าในปลายปีจะแตะ 200 คน ผมตื่นเต้นมากที่ได้จัดงานมีทติ้งให้พนักงานที่ห้องจัดเลี้ยงของโรงแรมระดับ 5 ดาว แต่ตื่นเต้นได้ไม่เท่าไหร่พอถึงสิ้นปีพนักงานเราก็เกิน 200 คนจนได้ครับ และเมื่อถึงปี 2021 ผ่านไปแต่ช่วงครึ่งปีแรกเราทำงานกันไม่หยุด มีหลายเหตุการณ์เกิดขึ้น บริษัทต้องขยายตัวทุกๆ ด้านแบบที่เรียกว่า Blitzscaling ภายในแค่ 6 เดือน เรามีพนักงานประจำและพาร์ทไทม์รวมแล้วกว่า 1,478 ตำแหน่ง ได้สร้างรายได้และดูและครอบครัวกว่าหนึ่งพันครอบครัว มากไปกว่านั้นคือ สามารถดึงคนเก่งจากวงการต่างๆ จากทั้งในและต่างประเทศเข้ามาร่วมสร้างและพัฒนาวงการบล็อกเชนของไทยอย่างที่หวังไว้แต่แรก จากโวลุ่มหลักล้านต่อวันสู่โวลุ่มสูงสุดที่ 13,000 ล้านบาท จากที่แทบจะไม่มีใครเข้าใจบล็อกเชนเลย วันนี้เราได้สร้าง Bitkub Chain ที่เป็น Blockchain Infrastructure แรกของคนไทยให้กับประเทศชาติ ที่จะมีโปรเจกต์ดีๆ อย่าง DeFi, NFTs เกิดขึ้นอีกมากมาย ได้สร้างโอกาสทางเศรษฐกิจยุคใหม่ที่จะทำให้คนไทยหลุดพ้นจากกับดักรายได้ปานกลาง เราได้สร้าง บิทคับ อคาเดมี (Bitkub Academy) เพื่อให้ความรู้นักลงทุนหน้าใหม่และความรู้เรื่องบล็อกเชนแก่คนทั่วไปเพื่อให้ทุกคนได้มีสะพานแห่งโอกาสหารายได้หรือหาอาชีพในโลกใหม่ที่กำลังเกิดขึ้น และล่าสุดคือ บิทคับ เวนเจอร์ส (Bitkub Ventures) บริษัทที่ก่อตั้งมาเพื่อที่จะลงทุนให้สตาร์ทอัปรุ่นน้องได้มีโอกาสได้เติบโตและส่งต่อสิ่งดีๆ ให้กับสังคมและประเทศชาติต่อไป เมื่อมองย้อนกลับไปถึงจุดเริ่มต้น และมองความสำเร็จในวันนี้ มันดูเหมือนแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยครับ แต่เพราะผมและทีมงานทำทุกวัน ไม่หยุดทำในสิ่งที่ตัวเองเชื่อ มีเป้าหมายที่ใหญ่ มีแพสชั่นกับสิ่งที่ทำ และที่สำคัญคือเราทำธุรกิจที่อยู่ในกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลก เราเชื่อในสิ่งที่คนอื่นไม่เชื่อ เราคือคนส่วนน้อยที่ถูกมากๆ หากถามผมว่าวันนี้ บิทคับ เป็นบริษัทที่ดีแล้วหรือยัง ? ผมอาจจะตอบได้ว่า “อาจจะดีแล้วแต่ยังไม่ดีที่สุด” เราไม่อยากเป็นแค่ Good Company ครับ แต่เราอยากเป็น Great Company เราหวังเป็นอย่างยิ่งครับว่า เราจะเป็นฟินเทคสตาร์ทอัพที่เป็นยูนิคอร์นตัวแรกของไทย เราอยากเป็นกำลังสำคัญที่สร้างสิ่งใหม่ที่ดีกว่าให้กับประเทศ เราอยากเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง เราอยากสร้างแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่ และอยากให้กำลังใจแก่ทุกคนที่กำลังทำสิ่งแตกต่างหรือต่อสู้กับอุปสรรคใดๆอยู่ว่า อย่าท้อนะครับและอย่าเพิ่งล้มเลิกความตั้งใจ และเราจะเติบโตขึ้นจากทุกๆอย่างที่เราทำ เหมือนตัวผมเองครับที่เติบโตและมาไกลจากวันนั้นมากๆ เรามาไกลกันเหลือเกินครับ แต่ก้าวต่อไปมันไม่ได้ไกลเกินกว่าที่จะเป็นจริงได้ เพียงแค่เชื่อมั่น และยืนหยัดในสิ่งที่ทำครับ #แล้วชีวิตคุณจะเปลี่ยนไป Credit: ขอบคุณภาพจากคุณบีม Siam Blockchain ครับ Topp Jirayut Srupsrisopa

Founder and Group CEO of Bitkub

Comments


bottom of page